ในการจัดตั้งองค์กรธุรกิจ สามารถจัดตั้งได้หลายรูปแบบด้วยกันขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ลักษณะและขนาดของเงินทุน
หรือขอบข่ายความต้องการในการบริหารงานของเจ้าของกิจการ
โดยแต่ละรูปแบบจะมีขั้นตอนการจัดตั้ง ลักษณะองค์กรตลอดจนข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงรูปแบบขององค์กรธุรกิจที่สำคัญ 3 รูปคือ
-
กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship)
-
ห้างหุ้นส่วน (Partnership)
-
บริษัท (Company)
กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole
Proprietorship) แหล่งเงินทุนในส่วนของเจ้าของกิจการจะได้มาจากเจ้าของกิจการเพียงคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับกิจการขนาดเล็กโครงสร้างองค์กรไม่ยุ่งยากซับซ้อน
และกิจการจะมีสภาพเป็นบุคคลธรรมดา
ข้อดี
- รูปแบบองค์กรไม่สลับซับซ้อน
- ง่ายต่อการจัดตั้งเพราะไม่ต้องจดทะเบียนเป็น นิติบุคคลและใช้เงินทุนต่ำ
- เสียภาษีเงินได้แบบบุคคลธรรมดา ซึ่งจะทำ
ให้กิจการเสียภาษีต่ำลง
- การตัดสินใจในการบริหารงานสะดวกและรวดเร็ว เพราะขึ้นอยู่กับเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว
- กรณีที่กิจการมีผลกำไร ก็จะเป็นของเจ้าของเพียง
คนเดียว
ข้อเสีย
- กิจการเจ้าของคนเดียวมีเงินทุนจำกัด
- เนื่องจากเงินทุนมีจำกัด การขยายกิจการจึงทำได้ยาก
- โอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจมีน้อย
- กรณีที่กิจการมีผลขาดทุน เจ้าของกิจการต้อง
รับผิดชอบผลขาดทุนแต่เพียงผู้เดียว
- ความรู้ความสามารถในการบริหารงานจำกัดเพียง บุคคลคนเดียว
คือเจ้าของกิจการเท่านั้น
- ลูกจ้างของกิจการขาดความก้าวหน้า เนื่องจาก
กิจการขนาดเล็ก
ดังนั้นกิจการเจ้าของคนเดียวจึงถือเป็นรูปแบบขององค์กรธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นประเภทแรกและส่วนใหญ่จะเป็นกิจการขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตามธุรกิจไทยส่วนมากจะเริ่มจากกิจการเจ้าของคนเดียวและแปรสภาพมาเป็นรูปของบริษัทในเวลาต่อมาเพื่อต้องการที่จะสร้างความเจริญเติบโตให้แก่กิจการ
เพราะกิจการเจ้าของคนเดียวจะมีความเสียเปรียบในการแข่งขัน
เมื่อเทียบกับธุรกิจในรูปแบบอื่น ๆ
ห้างหุ้นส่วน
(Partnership) กิจการที่เกิดจากการจัดทำข้อตกลงหรือสัญญาของบุคคลตั้งแต่
2 คนขึ้นไป ว่าด้วยเรื่องของการลงทุนร่วมกัน เพื่อประสงค์ที่จะร่วมแบ่งปันผลกำไรและผลขาดทุนอันเกิดจากการดำเนินกิจการ
ซึ่งข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนอาจจะมีขึ้นด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร
การร่วมลงทุนนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถนำเอาเงินสดทรัพย์สินอื่น ๆ หรือแรงงานมารลงทุนก็ได้
แล้วแต่ข้อตกลงหรือสัญญาที่ระบุไว้ กิจการห้างหุ้นส่วนสามารถแบ่งได้เป็น
3 ประเภทคือ - ห้างหุ้นส่วนสามัญ
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล - ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ข้อดี
- ข้อเสียของกิจการห้างหุ้นส่วน ข้อดี
-
ง่ายต่อการจัดตั้ง เพราะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้
ขึ้นอยู่กับว่าจัดตั้งห้างหุ้นส่วนประเภทใด
-
สามารถจัดหาเงินทุนได้มากกว่ากิจการแบบเจ้าของคนเดียว เพราะเงินทุนได้มาจากผู้เป็นหุ้นส่วน
-
ประสิทธิภาพในการบริหารสูงขึ้น เพราะความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่นำมาใช้ในการบริหารมิได้มาจากบุคคลเพียงคนเดียว
-
ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกิจการห้างหุ้นส่วนต่ำ
ข้อเสีย
- การที่มีผู้เป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ดังนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนชนิดไม่จำกัดความรับผิดชอบจะมีอำนาจในการบริหารงาน
ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง และเกิดความล่าช้าในการตัดสินใจ
-
กรณีที่เป็นหุ้นส่วนประเภทรับผิดในหนี้สินของห้างโดยไม่จำกัดจำนวนจะมีความเสี่ยงสูงในการรับผิดชอบชดใช้หนี้สินของห้างด้วยสินทรัพย์ส่วนของตน
-
อาจขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ถ้าหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย ถอนตัวหรือประกาศยกเลิกกิจการตามกฎหมาย
บริษัท (Company) เป็นกิจการที่มีวิธีการระดมเงินทุนโดยการแบ่งทุนเป็นหุ้น มูลค่าหุ้น ๆ
ละเท่า ๆ กัน จำนวนหุ้นจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการ
การจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบของบริษัทได้รับความนิยมสูงสุ
เนื่องจากสามารถจัดหาหรือระดมเงินทุนได้ง่าย นอกจากนี้บริษัทยังสามารถแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ - บริษัทจำกัด
(Limited Company) - บริษัทมหาชนจำกัด (Public
Company)
-
ผู้ถือหุ้นไม่ถึง 100 คนรวมทั้งนิติบุคคลด้วย
-
มูลค่าหุ้นไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท
-
ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบหนี้สินของบริษัทจำกัดจำนวนเท่าที่ลงทุนไป
- ผู้เริ่มก่อการ 7 คนขึ้นไป
บริษัทมหาชนจำกัด
-
มีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป
รวมทั้งนิติบุคคล
-
ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบจำกัดไม่เกินค่าหุ้นที่ต้องชำระ
-
มีผู้ร่วมก่อการ 15 คนขึ้นไป
ข้อดี - ข้อเสียของบริษัท
- สามารถระดมเงินได้ง่าย จึงมีความได้เปรียบในเรื่องขนาดของเงินทุน
- ได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะธุรกิจในรูปแบบของบริษัท จะมีขนาดกิจการค่อนข้างใหญ่ ซึ่งจะมีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนต่อหน่วย
- ผู้ลงทุนจะรับผิดชอบจำกัดจำนวนเท่ากับเงินที่ลงทุนในหุ้น
- ง่ายต่อการเลิกลงทุน โดยวิธีการขายหุ้นต่อให้แก่นักลงทุนรายอื่น
ๆ
- อายุของกิจการค่อนข้างต่อเนื่อง เพราะกิจการในรูปของบริษัทมีฐานะเป็นนิติบุคคลหากผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่งถอนหุ้น
ตาย หรือผู้บริหารไร้ความสามารถจะไม่มีผลทำให้บริษัทต้องเลิกกิจการ
- การก่อตั้งทำได้ยาก เพราะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
- เสียค่าใช้จ่ายในการก่อตั้งสูง เพราะจะต้องเสียเงินค่าจดทะเบียนและเสียเวลา
- ใช้เงินทุนค่อนข้างสูง
- จะต้องปฏิบัติภายใต้ข้อบังคับกฎหมาย เพราะธุรกิจที่เกิดจากเงินลงทุนคนจำนวนมาก
ดังนั้นทางการจึงต้องเข้ามากำกับดูแล รักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนรายย่อยเพื่อไม่ก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างผู้ลงทุน
- เสียภาษีซ้ำซ้อน คือ จะต้องเสียภาษีจากกำไรสุทธิของบริษัท
อีกทั้งกำไรที่นำมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ก็จะต้องเสียภาษีอีกครั้งหนึ่ง
- จะต้องเปิดเผยข้อมูลประจำปีให้สาธารณชนรับทราบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น