วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

แนวคิดของการคิดค่าเสื่อมราคา


นักบัญชีคิดว่าการตัดค่าเสื่อมราคาเป็นการปันส่วนอย่างมีระบบ ไม่ใช่เพื่อการสะท้อนมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์
ความแตกต่างระหว่างค่าเสื่อมราคาทางบัญชีกับทางเศรษฐศาสตร์
·        นักบัญชี ยึดหลักmatchingโดยเชื่อว่าถ้ากิจการมีรายได้ที่สม่ำเสมอ ก็ควรมีการปันส่วนค่าเสื่อมราคาที่สม่ำเสมอเช่นเดียวกัน
·        นักเศรษฐศาสตร์  มองถึงอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากสินทรัพย์นั้น
Ex. โทรศัพท์ 1 เครื่อง มีอายุการใช้งาน 5 ปี พอถึงปีที่ 3 ในทางบัญชีจะยังมีมูลค่า แต่ในทางเศรษฐกิจอาจไม่มีมูลค่าแล้ว
วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา
1. วิธีเพิ่มขึ้นทุกปี ( Annuity, Sinking Fund ) เช่น รายได้เท่ากันทุกปี ปีละ 100 การคิดค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้กำไรลดลงทุกปี ดังนั้น rate of return จะเท่ากันทุกปี
2.  วิธีเส้นตรง ( Straight – Line ) มาจากการมองว่าถ้ารายได้ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์นั้นเท่ากันทุกปี ก็ควร
คิดค่าเสื่อมเท่ากันทุกปี ทำให้ cash flow เท่ากันทุกปี แต่ rate of return จะสูงขึ้น
3.  วิธีอัตราเร่ง ( SYD, DB ,DDB ) จะคิดค่าเสื่อมสูงในปีแรก ๆ เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์มากกว่าปีหลัง ๆ
นอกจากจากนี้ยังมองว่าควรคิดค่าเสื่อมปีแรกๆสูงกว่าปีหลังๆเพราะปีหลังๆจะมีค่าบำรุงรักษาเพิ่มมากกว่าปีแรกๆ อีกด้วย
4.       คิดตามหน่วยการผลิต ( Units - of - Production) เพราะมีสินทรัพย์บางอย่างที่ไม่เสื่อมตามระยะเวลา แต่เสื่อมแบบ
Variable cost
                การกำหนดให้สินทรัพย์มีอายุนานเกินไปจะทำให้ค่าเสื่อมราคาต่ำเกินไป ดังนั้นการเลือกอายุการใช้งานสั้นและค่าซากต่ำ เป็นการใช้นโยบายการบัญชีแบบ conservative ซึ่งตรงกับลักษณะการคิดค่าเสื่อมแบบวิธีอัตราเร่ง( ตามสภาพการใชงานจริงที่สุด)
การคำนวณ
การหาอายุการใช้งานว่าใช้ไปแล้วกี่ %           ค่าเสื่อมราคาสะสม/ ราคาทุนของสินทรัพย์นั้น
การหาว่าอายุการใช้งานทั้งหมดนานเท่าไหร่   =  ราคาทุนของสินทรัพย์นั้น/ ค่าเสื่อมราคาต่อปี
การคำนวณหาว่าใช้งานมาแล้วกี่ปี                =  ค่าเสื่อมราคาสะสม/ ค่าเสื่อมราคาต่อปี
การด้อยค่า
สถานการณ์ที่บ่งชี้ว่าด้อยค่า
·        ราคาตลาดลดลงอย่างมีสาระสำคัญ
·        มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ผิดปกติอย่างมาก
·        มีกำลังการผลิตมากแต่ขายของไม่ได้
ผลจากการรับรู้ด้อยค่า
·        มูลค่าสินทรัพย์ลดลง
·        ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง
·        Asset turnover สูงขึ้น เพราะ Asset ลดลง
·        D/E สูงขึ้น เพราะ Equity ลดลง
·        BV per share ลดลง เพราะ Equity ลดลง
·        Price to book  value สูงขึ้น เพราะ book ต่ำลง
·        Earning สูงขึ้น เพราะค่าเสื่อมลดลง
·        ROA สูงขึ้น เพราะ Asset ลดลง
·        ROE สูงขึ้น เพราะ Equity ลดลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น