วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

แม่บทการบัญชี


Framework for F/S Amalysis
  • ความต้องการในการวิเคราะห์งบการเงิน
    • องค์กรข้ามชาติ มีมาตรฐานการบัญชีที่หลากหลาย
    • รายงานทางการเงินที่ได้รับไม่ได้สม่ำเสมอทั่วไป ในบางครั้งต้องระมัดระวังในเรื่องของ
      • การรับรู้รายการ (เมื่อมีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ และวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ ความเป็นไปได้มี 3 ระดับ )
      • การวัดมูลค่า
o   ส่วนประกอบข้อมูลอื่นๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้รายงานทางการเงินสามารถตีความงบการเงินได้
o   ข้อมูลอื่นที่นอกเหนือจากงบการเงินที่จะช่วยในการวิเคราะห์งบการเงิน เช่น 56-1 (เป็นข้อมูลของงบ, งบการเงิน ที่ประกาศในตลาดหลักทรัพย์) ,ข้อมูลบริษัท, รายงานประจำปี (56-2 เป็นส่วนประกอบของ 56-1)
o   ประเภทของผู้ใช้งบการเงิน (มีความต้องการต่างกัน มีพื้นฐานที่ต่างกัน)
o   เจ้าหนี้และผู้ลงทุน
o   รัฐบาล
o   สาธารณะทั่วไป และกลุ่มพิเศษ (เช่น สหภาพแรงงาน, สังคม)
FASB (คณะกรรมการที่จะกำหนดมาตรฐานการบัญชีของอเมริกา = รายงานทางการเงินมุ่งเน้นที่จะ support  investor กับ creditor เป็นเบอร์แรก โดยให้ความสำคัญกับ investor มากที่สุด ดังนั้นรายงานทางการเงินจึงมีจุดประสงค์หลัก คือ การตัดสินใจของ investor วัตถุประสงค์หลักของการวิเคราะห์งบการเงินคือ เพื่อเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนกับค่าความเสี่ยง ซึ่งผลตอบแทนเป็นความต้องการของ investor ความเสี่ยงสูงผลตอบแทนจะสูง ผลตอบแทนวัดจาก ROE (กำไรหารด้วยEquity) ความเสี่ยงวัดจาก ความแน่นอนที่จะได้รับผลตอบแทน ,ความผันผวนของผลตอบแทน  คือ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = SD (X1-X)2
               ถ้าผลตอบแทนที่ได้รับต่างไปจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันมากๆ จะต้องให้ความระมัดระวังก่อนที่จะหยิบตัวเลขมาใส่ในเรโช


ความสนใจของ investor คือ ดูความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว
ความสนใจของ Creditor คือ ดูสภาพคล่องในระยะสั้นที่จะสามารถจ่ายคืนได้
ระบบงบการเงินของอเมริกา จะมีองค์กรที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ
  • SEC เทียบกับในไทยก็คือ กลต. คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และกำกับหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลต่อการกำหนดมาตรฐานเป็นเบอร์หนึ่ง เพราะงบการเงินทำเพื่อ investor และ investor มีอยู่มากที่ตลาดหลักทรัพย์ (ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงิน) SEC กำหนดว่าจะต้องมีการจัดทำ MD&A (คำวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ)
  • AICPA เป็นองค์กรของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของอเมริกา ที่จัดตั้ง FASB
FAP สภาวิชาชีพบัญชีของไทย
  • มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ
    • IOSCO (เป็น SEC ในระดับนานาชาติ) ออกมาตรฐาน IAS

Corporate Filing ของไทย
งบการเงินไตรมาสที่ 1 ส่งภายใน 45 วัน
งบการเงินไตรมาสที่ 2 ฉบับสอบทาน ส่งภายใน 45 วัน และส่งงบการเงินประจำงวด 6 เดือน ภายใน 3 เดือน เป็นทางเลือกที่ 1แต่ถ้าไม่ส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2 ฉบับสอบทาน จะต้องส่งงบการเงินประจำงวด 6 เดือน ภายใน 60 วัน เป็นทางเลือกที่ 2  ซึ่งทางเลือกที่ 1 จะส่งได้ช้ากว่าทางเลือกที่ 2 อยู่ 1 เดือน
งบการเงินไตรมาสที่ 3 เหมือนงบไตรมาสที่ 1
งบการเงินไตรมาสที่ 4 และงบประจำงวด 1 ปี เหมือนงบไตรมาสที่ 2 และงบประจำงวด 6 เดือน
แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 56- 1  ส่งภายใน 3 เดือนนับแต่วันสิ้นรอบ (หัวข้อต่างๆ ได้แก่ 1.ปัจจัยความเสี่ยง 2.ลักษณะการประกอบธุรกิจ 3.การประกอบธุรกิจของแต่ละสายผลิตภัณฑ์ 4.การวิจัยและพัฒนา 5.ทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 6.โครงการในอนาคต 7.ข้อพิพาททางกฎหมาย 8.โครงสร้างเงินทุน 9.การจัดการ 10.การควบคุมภายใน 11.รายการระหว่างกัน 12.ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน 13.ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง)
รายงานประจำปี 56-2 ภายใน 110 วัน สามารถส่งเป็นแบบ ฮาร์ดก๊อปปี้ หรือ ซีดี

FASB Conceptual Framework (ของอเมริกา)
  • คุณภาพหลักเกี่ยวกับการตัดสินใจ
    • ความเชื่อถือได้ (Relevance)
o   ข้อมูลต้องทันเวลา (Timeliness)
o   ข้อมูลต้องพยากรณ์มูลค่า & Feedback value
    • ความเกี่ยวข้อง (Reliability)
o   Verifiability
o   Representational Faithfulness
o   Neutrality
  • คุณภาพระดับรอง
    • การเปรียบเทียบได้ ทั้งเปรียบเทียบคนอื่นและเปรียบเทียบตัวเอง
แหล่งข้อมูลอื่นๆ
  • รายงานประจำปี
o   สารจากประธานกรรมการ พูดถึงทิศทางเป้าหมายขององค์การ
o   โครงสร้างองค์การและการจัดการ
o   ธรรมชาติของธุรกิจ
o   วิสัยทัศน์และพันธกิจ
  • MD&A  แตกต่างกับหมายเหตุประกอบงบการเงิน เพราะมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า
    • ผลการดำเนินงาน
    • ใช้แหล่งเงินจากทางไหน สภาพคล่อง
    • ทิศทางมุมมอง
  • แหล่งข้อมูลอื่น
    • Company home page (งานวิจัยการเปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซด์มีปริมาณไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ขนาด)
    • นักวิเคราะห์ (เป็นคนพยากรณ์กำไรได้ดีที่สุด)ซึ่งนักวิเคราะห์ต้องดูหลายๆบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน มูลค่าของกิจการปัจจุบันวัดได้จาก DCF
  • รายงานของผู้สอบบัญชี

บทบาทของรายงานของผู้สอบบัญชี
  • ผู้สอบบัญชีรับผิดชอบในการดูแลในงบการเงินเป็นไปตามหลักการบัญชีที่ยอมรับโดยทั่วไป
  • รายงานของผู้สอบบัญชีจะรับรองใน 3 เรื่องคือ
    • งบการเงินจะจัดทำโดยผู้บริหารของบริษัท และรับผิดชอบโดยผู้บริหาร ผู้สอบบัญชีเป็นผู้ทบทวนรายงานของฝ่ายบริหารอย่างเป็นอิสระ
    • ผู้สอบบัญชีจะปฏิบัติโดยการใช้มาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป (GAAS) โดยให้ความเชื่อมั่นอย่างมีเหตุผล ว่าไม่มีข้อผิดพลาดอย่างมีสาระสำคัญในงบการเงิน ผู้สอบบัญชีไม่ได้รับประกันว่างบการเงินไม่ผิด หรือไม่มีการทุจริต เพียงแต่ว่าผู้สอบบัญชีได้กระทำการทดสอบในกระบวนการทางบัญชี เพื่อให้ความมั่นใจว่างบการเงินถูกต้อง
    • งบการเงินของบริษัทถูกจัดทำขึ้นตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป (GAAP)  ผู้สอบบัญชีมีความพึงพอใจว่ามีการใช้หลักการบัญชีและการประมาณการที่สมเหตุสมผลของกิจการ
ข้อความสรุปในรายงานของผู้สอบบัญชี คือ ผู้บริหารเป็นผู้รับผิดชอบต่อรายงานทางการเงิน ส่วนผู้สอบบัญชีรับผิดชอบต่อความเห็นในงบจากการตรวจสอบ ซึ่งได้ปฏิบัติการตรวจสอบตามมาตรฐาน และให้ความเชื่อมั่นอย่างมีเหตุผล (เราควรให้ความสำคัญกับหน้ารายงาน เช่นถ้าแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไข ว่าถูกจำกัดขอบเขต ตัวที่จะมีปัญหาคือ สินค้าคงเหลือ)
Reporting on Uncertainties
·         ในบางกรณีมาตรฐานการสอบ ต้องการอธิบายย่อหน้าที่แสดงความเห็น ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนที่จะกระทบต่องบการเงิน
·         การมีปัญหาเรื่อง Going Concern  เช่นทุนติดลบ ขาดทุนสะสมหลายปี การดำเนินงานต่อเนื่องเป็นสมมุติฐานในการจัดทำงบการเงิน ถ้าไม่มีสมมุติฐานเรื่องการดำเนินงานต่อเนื่องจะมีปัญหาในการวัดมูลค่ากิจการ คือ 1.การรับรู้รายการ 2.การวัดมูลค่า (จะลดลง) เนื่องจากสินทรัพย์ถูกบังคับขาย (มีผลต่อนโยบายทางการบัญชี ความอยู่รอดของกิจการ) เมื่อจะทำการวิเคราะห์จะต้องปรับมูลค่าก่อน
·         ความไม่แน่นอนของมูลค่าของสินทรัพย์ หนี้สิน
·         ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดี
Changing Auditors
·         ในหลายกรณี เกิดจากการลดต้นทุนค่าสอบบัญชี  หรือประเด็นในเรื่องส่วนตัว
·         ในบางครั้ง เกิดจากการไม่ลงรอยกันในเรื่องหลักการบัญชี เมื่อมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี เราก็ต้องเริ่มตระหนักถึงความสำคัญว่าอาจมีปัญหาในเรื่องของหลักการบัญชี
·         ผู้สอบบัญชีจะสูญเสียลูกค้าไปเมื่อไม่เห็นด้วยกับผู้บริหาร นักวิเคราะห์บอกว่าควรจะระมัดระวังอย่างมากว่างบการเงินจะมีปัญหา

กระบวนการในการออกมาตรฐาน
1. ระบุปัญหาทางการบัญชีและนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุม
2. ร่างมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 1 (DM)
3. ทำประชาพิจารณ์ภายใน 60 วัน และนำเสนอ Board
4. Board จะให้ออกร่างมาตรฐาน ฉบับที่ 2 (ED)
5. ทำประชาพิจารณ์ภายใน 30 วัน และนำเสนอ Board
6. Board จะดำเนินการดังนี้
  • ออกเป็นมาตรฐาน              
  • เสนอให้ทบทวนแก้ไข
  • เลื่อนการออกมาตรฐานออกไปก่อน
  • มาตรฐานฉบับนี้ตกไป เลิกไปเลย      

มาตรฐานการบัญชีของไทย (TAS)
§  การกำหนดมาตรฐานบัญชีของประเทศต่างๆ จัดแบ่งได้ 3 กลุ่มคือ
o   กลุ่ม 1 ถือเอามาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศเป็นมาตรฐานบัญชีของประเทศตน
o   กลุ่ม 2 กำหนดมาตรฐานขึ้นใช้เอง
o   กลุ่ม 3 ใช้มาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศเป็นเกณฑ์ในการกำหนดมาตรฐานของตนเอง
ประเทศไทยเป็นกลุ่ม 3 เดิมใช้อ้างอิงจาก SFAS ปัจจุบัน ใช้อ้างอิงจากมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ IFRS (เดิม IAS)
กระบวนการในการจัดทำมาตรฐานในไทย
1. คณะกรรมการมาตรฐานบัญชี เสนอกำหนดในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานการบัญชีของไทย เสนอต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี ตามลำดับ
2. จัดทำร่างมาตรฐาน (ยึดหลัก IAS แปล IAS จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย) และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นจัดให้มีการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง
3. เผยแพร่ร่างมาตรฐาน และจัดเปิดรับฟังความคิดเห็นเป็นเวลา 2 เดือน
4. รวบรวมความคิดเห็นและนำไปแก้ไขปรับปรุงร่างมาตรฐาน
5.คณะกรรมการ ส่งร่างมาตรฐานที่ปรับปรุงแล้ว แสนอต่อคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อให้ความคิดเห็นภายใน 15 วัน
6. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงร่างมาตรฐาน และนำร่างมาตรฐานที่ปรับปรุงแล้วเสนอต่อคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อคณะกรรมการสภาวิชาชีพ เพื่อพิจารณาอนุมัติ และประกาศใช้เป็นมาตรฐานการบัญชีของประเทศไทย
7. สภาวิชาชีพบัญชี ประชาสัมพันธ์เผยแพร่มาตรฐานบัญชีที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการสภาฯ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ และมีเวลาศึกษาเตรียมความพร้อมในการนำมาตรฐานบัญชีไปใช้อย่างน้อย 6 เดือน ก่อนที่มาตรฐานบัญชีจะมีผลใช้บังคับ
แม่บททางการบัญชี
วัตถุประสงค์
                         แม่บทการบัญชี กำหนดไว้เพื่อวางแนวคิดที่เป็นพื้นฐานในการจัดทำ และนำเสนองบการเงินแก่ผู้ใช้งบการเงินที่เป็นบุคคลภายนอก
ขอบเขตของแม่บทการบัญชี
§  วัตถุประสงค์ของงบการเงิน
§  ลักษณะเชิงคุณภาพ
§  คำนิยาม การรับรู้และการวัดมูลค่าขององค์ประกอบต่างๆ
§  แนวคิดเกี่ยวกับทุนและการรักษาระดับทุน
ผู้ใช้งบการเงิน
§  ผู้ลงทุน
§  ลูกจ้าง
§  ผู้ให้กู้
§  ผู้ขายสินค้าและเจ้าหนี้อื่น
§  ลูกค้า
§  รัฐบาลและหน่วยงานราชการ
§  สาธารณชน
วัตถุประสงค์ของงบการเงิน
§  ให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการ เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ
§  งบการเงินไม่จำเป็นต้องแสดงข้อมูลที่มิใช่ข้อมูลทางการเงิน
§  งบการเงินแสดงผลการบริหารงานของฝ่ายบริหารในการบริหารทรัพยากรของกิจการ
§  งบการเงินหมายรวมถึงหมายเหตุประกอบงบการเงิน
ข้อสมมติในการจัดทำและนำเสนองบการเงิน
§  เกณฑ์คงค้าง เป็นเรื่องของการรับรู้รายการ
§  การดำเนินงานต่อเนื่อง เป็นเรื่องของการวัดมูลค่า
ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน
§  ความเข้าใจได้
§  ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
o   ความมีนัยสำคัญ
§  ความเชื่อถือได้
o   การเป็นตัวแทนอันเที่ยงธรรม
o   เนื้อหาสำคัญกว่ารูปแบบ
o   ความเป็นกลาง
o   ความระมัดระวัง
o   ความครบถ้วน
§  การเปรียบเทียบกันได้

ข้อจำกัดของงบการเงิน
§  ทันต่อเวลา
§  ความสมดุลระหว่างประโยชน์ที่ได้รับกับต้นทุนที่เสียไป
§  ความสมดุลของลักษณะเชิงคุณภาพ
องค์ประกอบของงบการเงิน
§  องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการวัดฐานะการเงินในงบดุล
o   สินทรัพย์
o   หนี้สิน
o   ส่วนของเจ้าของ
§  องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการวัดผลการดำเนินงานในงบกำไรขาดทุน
o   รายได้
o   ค่าใช้จ่าย
การรับรู้องค์ประกอบของงบการเงิน
§  มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตของรายการจะเข้าหรือออกจากกิจการ
o   Remote (ห่างไกล)
o   Reasonably possible (ค่อนข้างแน่) อยู่ในระดับนี้
o   Probable (เป็นไปได้)
§  รายการดังกล่าวมีราคาทุนหรือมูลค่าที่สามารถวัดได้อย่างน่าเชื่อถือ
แนวคิดเกี่ยวกับการวัดมูลค่า
§  Historical Cost
§  Current Cost
§  Realizable Value
§  Present Value
แนวคิดเกี่ยวกับทุนและการรักษาระดับทุน
§  แนวคิดเกี่ยวกับทุนและการรักษาระดับทุน
o   เงินที่ลงทุน หรือสินทรัพย์สุทธิ หรือส่วนของเจ้าของ
o   ทุนที่อยู่ในรูปของกำลังการผลิตที่สามารถใช้ผลิตจริง
แนวคิดเกี่ยวกับการรักษาระดับทุนและการวัดผลกำไร
§  การรักษาระดับทุนทางการเงิน กำไรเกิดขึ้นเมื่อจำนวนที่เป็นตัวเงินของสินทรัพย์สุทธิเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสูงกว่าจำนวนเงินที่เป็นตัวเงินของสินทรัพย์สุทธิเมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชี
§  การรักษาระดับทุนทางการผลิต กำไรเกิดขึ้นเมื่อกำลังการผลิตที่กิจการสามารถใช้ในการผลิตจริงเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีสูงกว่ากำลังผลิตเมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชี กำลังการผลิตสามารถแสดงอยู่ในรูปของทรัพยากรหรือเงินทุนที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้กำลังการผลิตนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น