1. ภาษีทางตรง เช่น
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. ภาษีทางอ้อม ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีสรรพสามิต
ภาษีศุลกากรภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(Personal Income Tax )
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นภาษีทางตรงจัดเก็บจากฐานเงินได้
- จัดเก็บจากบุคคลธรรมดา และผู้ที่กฎหมายกำหนด
- ฐานภาษี จัดเก็บจากเงินได้สุทธิ
(ฐานในการคำนวณภาษี)
เงินได้พึงประเมิน (แต่ไม่รวมเงินได้ที่ได้รับการยกเว้น)
หัก ค่าใช้จ่ายหัก ค่าลดหย่อนและบริจาค
เงินได้สุทธิ แล้วจึงคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
- ระยะเวลาของเงินได้ที่คำนวณ คือ ปีภาษี
(ปีปฏิทิน 1 ม.ค. – 31 ธ.ค.)
- ชำระภาษีโดยประเมินตนเองภายในวันที่ 31มีนาคมของปีถัดไปภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นภาษีอากรประเภทหนึ่งที่บัญญัติไว้
ในประมวลรัษฎากร จัดเก็บจากเงินได้ของบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหลักการจัดเก็บที่สำคัญๆ
โดยลำดับดังนี้
- ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
- นิติบุคคลที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
- ฐานภาษีของภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลคำนวณจากกำไรสุทธิ
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ
- รอบระยะเวลาบัญชี
- กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
- เงื่อนไขการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 ทวิ
- เงื่อนไขการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65
ตรี (รายจ่ายต้องห้าม)
- อัตราภาษีและการคำนวณภาษี
- การยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี
ภาษีเงินได้นิติบุคคลคำนวณจากยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการจำหน่ายกำไรไปนอกประเทศ
- สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี
- บัญชีอัตราภาษี
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ประกอบการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายแต่สามารถขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้
วิธีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- กำหนดเวลาการจดทะเบียน
- สถานที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- หน้าที่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย
- การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
- กำหนดเวลา สถานที่ยื่นแบบและการชำระภาษี
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเป็นปกติธุระ
ไม่ว่าจะประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล
หรือนิติบุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.2 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ
ภาษีสรรพสามิต คือ ภาษีการขายเฉพาะที่เรียกเก็บจากสินค้าและบริการบางประเภท
ซึ่งมีเหตุผลสมควรที่จะต้องรับภาระภาษีสูงกว่าปกติ เช่น สินค้าที่บริโภคแล้วอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรมอันดี
สินค้าและบริการที่มีลักษณะเป็นการฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ได้รับผลประโยชน์เป็นพิเศษจากรัฐ
หรือสินค้าที่ก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในการที่จะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
เพื่อให้บริการผู้บริโภค หรือเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมกรมสรรพสามิต
มีหน้าที่หลักในการจัดเก็บภาษีจากสินค้าและบริการเฉพาะอย่างจากผู้ผลิตสินค้าหลายประเภท
เรียกว่า ภาษีสรรพสามิต เพื่อเป็นรายได้ให้รัฐบาลนำไปบริหารประเทศ และทะนุบำรุงท้องถิ่นต่าง
ๆ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย
ภาษีศุลกากรบทบาทของภาษีศุลกากรเพื่อใช้เป็นวัตถุประสงค์ในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจึงลดน้อยถอยลงตามลำดับ การเก็บภาษีของรัฐจุดมุ่งหมายของรัฐโดยทั่วไปก็คือการหารายได้เข้ารัฐ
แต่จุดมุ่งหมายรองๆลงมาก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและบริการที่รัฐบาลจัดเก็บภาษีการเก็บภาษีศุลกากร
นอกจากจะเป็นเหตุผลในการหารายได้แล้ว ความมุ่งหมายหลักก็คือ
เพื่อการคุ้มกันการค้าของประเทศเพราะสินค้านำเข้าเมื่อต้องเสียภาษีศุลกากรก็จะมีราคาแพงกว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่ผลิตในประเทศอย่างไรก็ตามนโยบายในการกีดกันทางการค้าด้วยภาษีนี้เป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณาอย่างละเอียดว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร